วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การเกษตรไม้ดอกไม้ประดับ

การเกษตรเรื่องพันธุ์ของกุหลาบ


การเกษตรเรื่องพันธุ์ของกุหลาบในประเทศไทย
1) กุหลาบตัดดอก หรือ ไฮบริดที (Hybrid Tea หรือ HT) ปกติมักออกดอกเป็นดอกเดี่ยวมีขนาดโต กลีบดอกซ้อน พุ่มต้นตั้งตรงสูงประมาณ 1-2 เมตร กุหลาบชนิดนี้ที่มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด ในการทำการเกษตร การปลูกกุหลาบพันธุ์ ไฮบริดที นั้นจำเป็นต้องคัดเลือกพันธุ์ให้เหมาะสมสำหรับแต่ละท้องที่ เพราะกุหลาบพันธุ์นี้ไม่ได้ปลูกเป็นไม้ตัดดอกได้ดีทุกพันธุ์ ลักษณะที่ดีสำหรับสำหรับตัดดอก มีดังนี้
•ต้องมีความแข็งแรงทนทาน ลำต้นโต สามารถเจริญเติบโตได้ดี
•ต้องออกดอกอย่างสม่ำเสมอ และต้องไม่ทรุดโทรมไวเมื่อถูกตัดดอกไปมากๆ
•ต้องทนต่อโรคและแมลงได้ดี
•ต้อวมีลำต้นที่ตั้งตรง เพราะจะทำให้ปลูกชิดกันได้มากขึ้น ช่วยประหยัดเนื้อที่
•ต้องมีกิ่งก้านยาวตรง มีหนามน้อย และมีใบงามสมดุลกับกิ่ง
•รูปร่างของดอกดี คือทรงดอกยาวแบบแจกันหรือปลายกลีบดอกแหลม
•กลีบดอกต้องไม่ซ้อนหนาเกินไปจนดอกบานไม่ออก
•กลีบดอกต้องหนา เพื่อจะได้สามารถทนทานในขั้นตอนการบรรจุหีบห่อและขนส่ง
•ดอกต้องมีสีสันสวยงามสะดุุดตาและต้องไม่เปลี่ยนสีเมื่อดอกโรย
•ต้องไม่เหี่ยวเฉาง่ายหลังจากตัดแล้ว เพราะจะทำให้กุหลาบเสียราคา
•ดอกต้องมีกลิ่นหอม (ถ้าเป็นไปได้)
โดยพันธุ์กุหลาบที่กรมส่งเสริมการเกษตรแนะนำให้ปลูกมีดังนี้
•พันธุ์ดอกสีแดง ได้แก่ พันธุ์บราโว. เรดมาสเตอร์พีช , คริสเตียนดิออร์, โอลิมเปียด, นอริค้า, แกรนด์มาสเตอร์พีช, ปาปามิลแลนด์, เวก้า
•พันธุ์ดอกสีเหลือง ได้แก่ พันธุ์คิงส์แรนซัม, ซันคิงส์, เฮสมุดสมิดท์,นิวเดย์ โอรีโกลด์ และเมลิลอน
•พันธุ์ดอกสีส้ม ได้แก่ พันธุ์ซันดาวน์เนอร์, แซนดรา, ซุปเปอร์สตาร์หรือทรอพปิคานา
•พันธุ์ดอกสีชมพู ได้แก่ พันธุ์มิสออลอเมริกาบิวตี้ หรือมาเรีย, คาสลาส, ไอเฟลทาวเวอร์, สวาทมอร์, เฟรนด์ชิพ, เพอร์ฟูมดีไลท์, จูวังแซล, เฟิร์สท์ไพรซ์, อเควเรียส, ซูซานแฮมเชียร์
•พันธุ์ดอกสีขาว ได้แก่ พันธุ์ไวท์คริสต์มาส เอทีนา
•พันธุ์ดอกสีอื่นๆ ได้แก่ พันธุ์แยงกี้ดูเดิ้ล, ดับเบิ้ลดีไลท์, เบลแอนจ์
•นอกจากนี้ยังมีกุหลาบสำหรับเด็ดดอกร้อยพวงมาลัย เช่น กุหลาบพันธุ์ฟูซิเลียร์ ซึ่งมีดอกสีส้ม
2) กุหลาบพวง หรือ ฟลอริบันด้า ( Foribunda หรือ F.) กุหลาบพวงจะมีความแข็งแรงทนทานกว่ากุหลาบตัดดอก ออกดอกดกแต่ดอกไม่ใหญ่เท่ากับกุหลาบตัดดอกแต่มีครบทุกสี และออกดอกเป็นช่อทีละหลายๆ ดอก จึงนิยมเรียกว่ากุหลาบพวง และมักบานพร้อมกัน ดอกมีขนาดเล็ก พุ่มต้นตั้งตรงสูง ประมาณครึ่งเมตรถึง 1 เมตร เหมาะสมที่จะปลูกในแปลงประดับและในกระถางเช่น พันธุ์ฟูซีเลียร์ , พันธุ์แองเจลเฟส เป็นต้น
3) ประเภทแกรนดิฟลอร่า (Grandiflora หรือ Gr. ) กุหลาบประเภทนี้เป็นกุหลาบลูกผสมระหว่างกุหลาบตัดดอก และกุหลาบพวง มีลักษณะเป็นดอกเดี่ยว แต่ดอกเล็กกว่ากุหลาบตัดดอก มีก้านยาว ต้นโต สูง และแข็งแรง เช่ น พันธุ์คาเมล็อท , พันธุ์คาเสทไนท์ เป็นต้น
4) กุหลาบ หรือ มินิเอเจอร์ (Miniature หรือ Min.) เป็นกุหลาบที่มีขนาดพุ่มต้นเล็ก สูง 1- 2 ฟุต ออกดอกเป็นพวงและดอกมีขนาดเล็ก นิยมปลูกประดับแปลง และใช้เป็นไม้กระถาง เช่น พันธุ์เบบี้ มาสเคอร์เหรด เป็นต้น
5) กุหลาบเลื้อย หรือ ไคลมเบอร์ (Climher หรือ Cl.) กุหลาบชนิดนี้ลำต้นสูงตรง นำไปเลื้อยพันกับสิ่งต่าง ๆ ได้ดอกมีทั้งเป็นดอกขนาดใหญ่ และดอกเป็นพวง เช่น พันธุ์ดอนจวน , พันธุ์ค็อกเทล เป็นต้น
6) ประเภทโพลีแอนท่า (Polyantha หรือ Pol.) เป็นกุหลาบลูกผสมระหว่างพันธุ์โรซ่า มัลติฟอร่า กับ โรซ่า ไชเนนซิสมีขนาดพุ่มต้นเตี้ย แข็งแรงและทนทานมาก ออกดอกเป็นพวงคล้ายกุหลาบพวง ลักษณะดอกและต้นคล้ายกุหลาบหนูแต่จะแตกต่างกับกุหลาบหนูตรงที่กุหลาบโพลีแอนท่า จะมีหูใบที่มีลักษณะของพันธุโรซ่า มัลติฟลอร่า กุหลาบประเภทนี้ เช่น พันธุ์วายวอน ราเบีย เป็นต้น
7) ประเภทแรมเบลอร์ (Rambler หรือ R) มีลำต้นยาวและอ่อนโค้งออกดอกเป็นพวงและดอกมีขนาดเล็ก เช่น พันธ์ไดโรที เปอร์กิน เป็นต้น
8.) กุหลาบพุ่ม หรือ ซรับโรส (Shrub หรือ S.) ได้แก่กุหลาบพันธุ์ป่าหรือลูกผสมของพันธุ์ป่า ซึ่งมีทรงต้นเป็นพุ่ม ออกดอกเป็นช่อ ดอกมีขนาดเล็กส่วนมากมีกลีบชั้นเดียว เช่น พันธ์โรซ่า นิติด้า , โรซ่า มัลติฟลอร่า, โรซ่า รูโกซ่า เป็นต้น
 [http://www.xn--12ca4dscc8ayd2f.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1/]

การเกษตรเรื่องสัตว์เศรษฐกิจ

การเกษตรเรื่องการเก็บน้ำผึ้ง


การเกษตรเรื่องการเก็บน้ำผึ้ง
การเก็บน้ำผึ้งมีด้วยกันอยู่ 2 วิธี คือ
•การเก็บน้ำผึ้งแบบสมัยเก่า หลังจากที่เกษตรกรเลี้ยงผึ้งได้ประมาณ 3 เดือน ให้ทำการตรวจเช็คดูรวงผึ้งว่ามีกี่รวงและมีขนาดที่ใหญ่พอจะเก็บผลผลิตได้หรือไม่ โดยการเก็บรวงผึ้งเกษตรกรไม่ควรเก็บหมดให้เหลือรวงผึ้งไว้ระมาณ 3-4 รวง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของรวงผึ้งด้วย รวงผึ้งที่เกษตรกรทำการเก็บนั้นให้ตัดเฉพาะส่วนที่เป็นน้ำผึ้งเท่านั้น จากนั้นให้นำรวงผึ้งไปสับบนตะแกรงที่มีถังสำหรับเก็บน้ำผึ้งรองอยู่ด้านล่าง หลังจากนั้นให้ทิ้งน้ำผึ้งไว้ประมาณ 3 วัน เศษผงหรือเศษรังผึ้งจะลอยขึ้นมาให้ทำการตักทิ้งเสีย ข้อควรระวังคือ ขณะที่ทำการเก็บน้ำผึ้งเกษตรกรไม่ควรใช้มือบีบรวงผึ้งเพราะจะทำให้รงผึ้งหรือตัวอ่อนลงไปในน้ำผึ้งได้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้รสชาติของน้ำผึ้งเปลี่ยนไป
•การเก็บน้ำผึ้งแบบสมัยใหม่ มีด้วยกันอยู่ 2 วิธี คือ 1. การเก็บน้ำผึ้งโดยใช้ถังสกัด ก่อนทำการเก็บน้ำผึ้งเกษตรกรควรใชแปรงปัดตัวผึ้งลงในรังให้หมดเสียก่อน จากนั้นให้ทำการใช้มีดปากไขผึ้งที่ปิดหลอดรวงน้ำผึ้งออก นำมาใส่ในถังสลัดน้ำผึ้ง เมื่อเกษตรกรได้น้ำผึ้งในปริมาณที่ต้องการแล้วให้นำน้ำผึ้งไปใส่ในถังหมักและบรรจุขวดต่อไป การเก็บน้ำผึ้งด้วยวิธีนี้จะช่วยให้เกษตรกรได้น้ำผึ้งที่สะอาดและบริสุทธิ์ 100 % 2. การเก็บน้ำผึ้งโดยไม่ใช้ถังสกัด เกษตรกรควรตัดเฉพาะส่วนของน้ำผึ้งทั้งหมดด้านบน โดยเหลืออาหารให้ผึ้ง 3-4 รวง การตัดแบบนี้ผึ้งงานจะสร้างหลอดรวงใหม่ได้ช้า หรือตัดเป็นช่วง ๆ การตัดน้ำผึ้งวิธีนี้สามารถตัดได้ทุกรวงเพราะมีส่วน ของน้ำผึ้งเหลือไว้ให้เป็นสารของผึ้ง และจะทำให้ผึ้งซ่อมแซมรังได้รวดเร็วกว่าวิธีแรก
[http://www.xn--12ca4dscc8ayd2f.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3/]

การเกษตรเรื่องพืชเศรษฐกิจ

เลี้ยงครั่งบนต้นฉำฉา มีรายได้โดยไม่ต้องดูแล


•ครั่งไม่จำเป็นต้องดูแลอะไรมาก เพียงแค่นำพันธุ์ครั่งไปแขวนไว้ตามกิ่งของต้นฉำฉาที่มีอายุอย่างน้อย 5 ปี ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ถ้าหากปล่อยติดก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมของปีถัดไป พูดง่ายๆคือทิ้งไว้ 1 ปีแล้วมาเก็บเกี่ยว โดยการตัดฟันลงมา แล้วเลาะเอาครั่งออกจากกิ่งไม้แค่นั้น
•เสนอราคาครั่งตอนนี้ถือว่าโอมากครับ อยู่ระหว่าง 80-250 บาท ต่อกิโลกรัม(แล้วแต่ปริมาณผลผลิตในท้องตลาด) ถ้าคิดง่ายๆต้นฉำฉาใหญ่ๆ ต้นนึงอย่างน้อยก็โดนละต้นละ 5000 บาท ลองคิดว่าท่านปลูกฉำฉาไว้สัก 100 ต้นสิครับ มันจะเป็นเงินขนาดไหน
•แต่เห็นตัวเลขแล้วก็อย่าพื่งตาโตจนไปทุ่มทุนสร้างนะครับ เพราะบางพื้นที่ก็ไม่สามารถเพาะเลี้ยงครั่งได้(ปล่อยไม่ติด) ซื่งก็ไม่สามารถระบุเฉพาะเจาะจงได้แน่ชัดนักว่าทำไมถึงปล่อยครั่งไม่ติด แต่คร่าวๆ ก็มีสาเหตุมาจากมลพิษทางอากาศ ละอองสารเคมีจากการเกษตร ภาวะฝุ่นควันจากการเผาไหม้ ตลอดจนสภาพดินฟ้าอากาศในปีนั้นๆครับ
[http://www.xn--12ca4dscc8ayd2f.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90/]

การเกษตรเรื่องพืชอาหารสัตว์

วิธีการปลูกถั่วฮามาต้า


•ถั่วฮามาต้าจะปลูกโดยใช้เมล็ดพันธุ์ ซื่งก่อนปลูกต้องมีการเร่งความงอกของเมล็ดก่อนโดยการแช่เมล็ดในน้ำร้อนอุณหภูมิประมาณ 80 องศาเซลเซียส นาน 5-10 นาที หลังจากนั้น ก็จะใช้เมล็ดที่แช่น้ำร้อนแล้วไปปลูกโดยใช้อัตรา 1.5-2 กิโลกรัม/ไร่ โดยให้หยอดเมล็ดพันธุ์เป็นแถวให้ระยะห่างกัน 30-50 เซ็นติเมตร
•ในกรณีที่ปลูกถั่วฮามาต้า ในพื้นที่ดินทรายเนื้อหยาบหรือดินเหมืองแร่เก่า ควรใส่ปุ๋ยคอกเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุในดินขณะเตรียมดิน และไถพรวนกลบปุ๋ยคอกก่อนปลูกถั่วอย่างน้อย 3 สัปดาห์ และก่อนปลูกถั่วฮามาต้า ควรใส่ปุ๋ยผสมสูตร 15-15-15 ในอัตราประมาณ 30-50 กิโลกรัม/ไร่ เป็นปุ๋ยรองพื้น สำหรับในปีต่อๆไปควรใส่ปุ๋ยทริปเปิลซุปเปอร์ฟอสเฟต(0-46-0) ในอัตราประมาณ 20-30 กิโลกรัม/ไร่ ในขณะที่ดินมีความชื้นเหมาะสม และสับดินกลบในช่วงต้นฤดูฝนของทุกปี
•ควรกำจัดวัชพืชครั้งแรกหลังจากท่ปลูกถั่วได้ประมาณ 3-4 สัปดาห์ และกำจัดวัชพืชครั้งที่ 2 หลังจากที่กำจัดวัชพืชครั้งแรกได้ประมาณ 1-2เดือน
[http://www.xn--12ca4dscc8ayd2f.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3/]

การเกษตรเรื่องพืชสมุนไพร

การขยายพันธุ์ใบเตยหอม


การขยายพันธุ์ใบเตยสามารถทำได้ง่าย เพียงแค่นำท่อนพันธุ์มาปลูกลงดินแล้วรดน้ำอย่างสม่ำเสมอก็สามารถทำให้เตยเติบโตได้แล้ว(ปลูกไว้ริมแหล่งน้ำก้ได้) แต่ถ้าหากจะปลูกในเชิงธุรกิจ ก็จะมีขั้นตอนดังนี้ครับ
•1. หลังจากไถพรวนเตรียมพื้นที่ปลูกเรียบร้อยแล้ว ให้ขุดหลุมขนาดกว้างประมาณ 5×5 เซ็นติเมตรลึกประมาณ 6 เซ็นติเมตร
•2. จากนั้นให้นำปุ๋ยคอกลงก้นหลุม แล้วให้ใส่ท่อนพันธุ์ใบเตยลงไป แล้วกลบดินทับ
•3. ขุดหลุมปลูกต่อไปให้มีระยะห่างประมาณ 10 เซ็นติเมตร
•4. เมื่อปลูกเสร็จแล้วถ้าไม่มีฝนตกให้ทำการรดน้ำให้ชุ่มชื้น
[http://www.xn--12ca4dscc8ayd2f.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3/]

การเกษตรเรื่องพืชพลังงาน

สาหร่ายพืชเปลี่ยนโลก
แม้สาหร่ายจะไดชื่อว่าเป็นพืชชั้นต่ำ แต่ถ้าได้ลองศึกษาเรื่องของสาหร่ายแล้ว จะเห็นว่าสาหร่ายเป็นอนาคตของโลก เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถนำมาตอบสนองเพื่อใช้ประโชน์ได้ในหลายๆด้าน ทั้งนำมาเป็นอาหารคน อาหารสัตว์ ยา เครื่องสำอาง พลังงาน บำบัดน้ำเสีย
ในหลายประเทศมีการศึกษาวิจัยและนำมาใช้ประโยชน์อย่างยาวนาน สาหร่ายหลายชนิดมีการเพาะเลี้ยงเชิงเศรษฐกิจ เช่น สาหร่ายสไปรูลินาที่เป็นสาหร่ายน้ำจีดที่ให้โปรตีนสูง สามารถทำการเกษตรเพาะเลี้ยงได้แทบทุกภาคของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีสาหร่ายน้ำเค็ม เช่นสาหร่ายผมนาง สาหร่ายพวงองุ่น สาหร่ายผักกาดทะเล ฯลฯ ซื่งเพาะเลี้ยงกันในทะเลหรือใกล้ชายฝั่งทะเล นอกจากนี้ยังมีสาหร่ายน้ำจืดธรรมชาติกระจายอยู่ในหลายๆพื้นที่ ดังนั้นการศึกษาเรื่องสาหร่ายในประเทศไทยจึงควรเดินหน้าต่อไป เพราะเมื่อเกิดปัญหาวิกฤตต่างในอนาคต เช่น เรื่องขาดแคลนอาหาร ขาดแคลนยา ขาดพลังงาน เป็นต้น วันนั้นพืชชั้นต่ำอย่างาหร่ยจะเป็นตัวแห้ปัญหาทั้งหมด


[http://www.xn--12ca4dscc8ayd2f.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99/]




การเกษตรเรื่องพืชผัก

ข้อดี ข้อเสียในการปลูกต้นไม้แบบกระถางแขวน

กระแสการปลูกผักปลอดสารพิษทานเองกำลังมาแรง ทำให้มีคนสนใจที่จะปลูกกินเองเป็นจำนวนมาก สำหรับคนที่มีพื้นที่ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่สำหรับคนเมืองหรือคนที่มีพื้นที่น้อยก็คงต้องหาทางประยุกต์การเพาะปลูกไปตามลักษณะพื้นที่ หนึ่งในนั้นคือการปลูกผักใส่กระถางแขวนไว้ตามระเบียง ข้างบ้าน ริมรั้ว
การปลูกผักใส่กระถางแขวนมีข้อดีคือประหยัดพื้นที่ สามารถป้องกันสัตว์เลี้ยงมาขุดคุ้ยได้ แต่ก็มีข้อเสียคือกระถางใส่ดินได้จำกัด จึงไม่สามารถปลูกพืชพักที่หยั่งรากลึกได้ พืชจะไม่โตแคระแกร็น และยังจะเป็นต้องรดน้ำบ่อยๆ(เช้า-เย็น) เพราะความชื้นสามารถระเหยได้อย่างรวดเร็ว(สามารถลดการระเหยได้ด้วยการหาวัสดุเหลือใช้มาคลุมเ เช่น แกลบดิบ ฟางข้าวใบไม้ เป็นต้น)
[http://www.xn--12ca4dscc8ayd2f.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81/]


การเกษตรเรื่องพืชผลไม้

เทคนิควิธีปลูกสับปะรด
ก่อนทำการปลูกสับปะรดควรทำการไถตากดินไว้อย่างน้อยที่สุด 7  วัน ถ้าหากไถครั้งแรกแล้วดินยังเป็นก้อนใหญ่อยู่ ให้ไถพรวนซ้ำอีกรอบ โดยเลือกจำนวนผาลไถให้เหมาะสมกับสภาพดินของท่าน(โดยทั่วไปจะใช้ผาล 3 หรือ 4 แล้วพรวนด้วยผาล 7 )
สำหรับการปลูกสับปะรดสามารถใช้หน่อหรือจุกปลูกก็ได้ ในที่นี้จะพูดถึงการปลูกด้วยหน่อ ซื่งมีข้อได้เปรียบคือให้ผลผลิตเร็วกว่า และสามารถหาพันธุ์ได้ง่ายกว่าการปลูกด้วยจุก และควรปลูกในช่วงที่ไม่มีฝนตกเพราะจะทำให้หน่อเน่าเสียหาย
เกษตรกรจะนิยมปลูกสับปะรดแถวคู่มากกว่าแถวเดี่ยว  สำหรับเรื่องระยะห่างในการปลูกสับปะรด ถ้าหากเป็นสับปะรดส่งโรงงาน ก็จะใช้ระยะห่างระหว่างต้น  30 เซ็นติเมตร ระยะห่างแถว 30 เซ็นติเมตร ระยะทางเดิน 70 เซ็นติเมตร  สำหรับสับปะรดที่ขายผลสด ก็จะใช้ระยะห่างระหว่างต้น  40 เซ็นติเมตร ระยะห่างแถว 40 เซ็นติเมตร ระยะทางเดิน 80 เซ็นติเมตร (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสภาพดิน สภาพพื้นที่ที่จะปลูกสับปะรดด้วย ระยะห่างในการปลูกไม่ได้ตายตัวเสมอไป)
ตอนเริ่มปลูกให้ขึงเชือกทำแนว ทำระยะปลูกก่อน จากนั้นให้ปลูกสับปะรดตามแนวที่วางไว้ โดยไม่จำเป็นต้องขึงเชือกทุกแถว(เว้นระยะขึงเชือกสัก 10 แถวก็ได้)
เทคนิคที่ทำให้ปลูกสับปะรดได้เร็วคือการใช้มือข้างถนัดจับเสียมที่มีด้ามสั้น แล้วเสียบลงไปในดิน >> งัดดินขึ้นมา >> แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งจับหน่อเสียบลงไป>> ถ้าดูลักษณะหน่อไม่ค่อยมั่นคงก็สามารถใช้เท้าเหยียบให้แน่นได้….

[http://www.xn--12ca4dscc8ayd2f.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89/]


การเกษตรเรื่องปศุสัตว์

วิธีเลี้ยงไก่แบบธรรมชาติ(ไม่ให้อาหาร)




วิธีเลี้ยงแบบนี้ถ้าใครทำได้ จะสามารถประหยัดต้นทุนค่าอาหารไปได้โขเลยครับ ถึงเวลาก็จับขาย หรือจับมารับประทานอย่างเดียว สำหรับท่านที่คิดว่าวิธีนี้เป็นไปไม่ได้ อยากให้ท่านมโนภาพถึงไก่ป่าก่อนเลยครับ ลองนึกดูว่ามีใครเข้าไปโปรยอาหารเม็ดให้มันในป่ารึเปล่า ? มีใครไปหยิบยื่นหัวอาหารให้มันกินรึเปล่า ? …. สรุปคือไม่มี แล้วมันโตได้อย่างไร ?
ไก่ป่ามันมีความสามารถในการหากินแมลง หนอน ไส้เดือน ปลวก และหญ้าเป็นอาหารได้อย่างดี ส่วนน้ำมันก็หากินตามลำธาร ห้วย บึงไก่ชนเราก็สืบเชื้อสายมาจากไก่ป่านั่นแหละครับ ความสามารถในการหากินของมันยังหลงเหลืออยู่ ดังนั้นถ้าเราสร้างสภาพแวดล้อมให้เลียนแบบธรรมชาติได้เราก็ไม่จำเป็นต้องให้อาหารมันเลยครับ (แนะนำให้ ให้เศษอาหารมันบ้างเพราะเดี๋ยวมันจะพากันหนีไปอยู่ที่อื่นซะหมด) และจากการทดลองของผมไก่ไข่(พันธุ์อิซ่าบราวนฺ) ก็สามารถคุ้ยหาอาหาร และจิกกินแมลงและหญ้าได้ครับ
สภาพแวดล้อม(ต้องพอเหมาะกับจำนวนไก่) ที่ต้องสร้างก็มีแหล่งน้ำสะอาด โดยการขุดบ่อปลาที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ หรือถ้าไม่สะดวกจริงๆก็เป็นถาดน้ำเอาก็ได้(ของผมโชคดีที่มีลำห้วยผ่าน เลยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาใส่น้ำให้ไก่่กิน)  ต้องมีต้นไม้ใหญ่ให้ไก่ขึ้นนอน ถ้าไม่มีก็สร้างเล้าก็ได้ครับ ต้องมีการปลูกพืชแบบผสมผสาน ต้องปล่อยให้หญ้าขึ้นบ้างไว้ให้ไ่ได้เล็มกิน …. สร้างแหล่งที่อยู่ของแมลงด้วยการหาใบไม้ กิ่งไม้ หรือฟางข้าวมาคลุม วิธีนี้จะทำให้ได้ทั้งปลวกทั้งแมลง ไก่จะคุ้ยเขี่ยกินอย่างมีความสุข
ข้อควรระวัง :
1. ถ้าเป็นไปได้ควรล้อมรั้วให้มิดชิด หรือขึงตาข่ายกันหมาเข้ามากัดไก่ (อันนี้เป็นปัญหาสำหรับผมเลย เพราะที่ค่อนข้างกว้าง)
2. ควรหลีกเลี่ยงการปลูกพืชผักที่ไก่ชอบกินในบริเวณที่เลี้ยงไก่









[http://www.xn--12ca4dscc8ayd2f.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A8%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C/]

การเกษตรเรื่องประมง

แนวทางการเลี้ยงกบแบบธรรมชาติ(ไม่ต้องให้อาหาร)
หลังจากได้ทดลองเลี้ยงกบมาพอสมควร ก็เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆที่สนใจอยากจะลองเลี้ยงกบได้ทราบกันครับ .. ตอนแรกผมคิดว่าในขั้นตอนการเลี้ยงกบต้องให้อาหารสำเร็จรูปตลอด แต่พอเลี้ยงๆไปรู้สึกว่าเราหมดค่าอาหารกบไปเยอะมาก เลี้ยงแล้วแทบไม่ได้อะไร ผมเลยศึกษาว่ากบในธรรมชาติมันดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร ปรากฎว่ากบมันสามารถกินสัตว์เล็ก สัตว์น้อย แมลงได้เกือบทุกชนิด (ล่าสุดทราบว่ามันกินแม้กระทั่งลูกหอย) 
ดังนั้นถ้าหากเราเลี้ยงกบให้อยู่ในสถานที่ที่เลียนแบบธรรมชาติที่สุด เราก็ไม่จำเป็นต้องให้อาหารเลยครับ แต่ในช่วงแรกที่กบยังเล็กอยู่ก็ให้อาหารเม็ดไปก่อนก็ได้ครับ(ถ้าได้แนวทางไม่ให้อาหารเม็ดตั้งแต่แรกเกิดเลยจะมาเขียนบทความบอกเล่าเก้าสิบนะครับ) พอกบเริ่มโตพอที่จะหากินเองก็ให้ลดอาหารเม็ดลง จากที่ให้เช้าเย็น ก็เป็นช่วงเช้าอย่างเดียว และในท้ายที่สุดก็ไม่ให้เลยครับ
ในการสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับเลี้ยงกบนั้น จะขึ้นอยู่กับพื้นที่ของแต่ละบุคคลถ้าพื้นที่น้อยก็ทำน้อย พื้นที่มากก็ทำมาก(ทำสภาพแวดล้อมเลียนแบบธรรมชาติ) โดยเราต้องล้อมบริเวณที่เลี้ยงกบด้วยผ้ามุ้งฟ้ากันกบหนี (ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้กระเบื้องแผ่นเรียบฝังดินไว้อีกชั้นกันงู กันสัตว์เลื้อคลานเข้าไปกินกบ และภายในให้ทำการขุดบ่อเพื่อเป็นที่อยู่สำหรับกบ ถ้าสามารถขุดได้ลึกพอก็ให้ปล่อยปลานิล ปล่อยหอยขมลงไป ปลานิลจะกินแพลงตอน หอยขมจะกินขี้ปลาหรือตะไคร่น้ำ และลูกหอยขมจะเป็นอาหารกบอีกที
และที่สำคัญในบริเวณที่กั้นผ้ามุ้งที่กั้นเลี้ยงกบ ให้ปลูกพืช ผัก ดอกไม้ หลายๆชนิดผสมสานกันไป สิ่งเหล่านี้จะล่อแมลงมาเป็นจำนวนมาก ทำให้เราได้ประโยชน์สองต่อคือ กบได้กินแมลงเป็นอาหาร พืชผักโตได้โดยไม่ต้องใช้สารฆ่าแมลง .. จากการสังเกตของผมกบจะขึ้นจากน้ำมาหากินแมลงในตอนกลางคืน(ถ้าต้องการจะจับกบไปบริโภคหรือขาย จับตอนกลางคืนจะง่ายกว่าครับ)

ข้อควรระวัง : คอยตรวจตราไม่ให้ผ้ามุ้งขาดเพราะจะเป็นช่องทางให้งูเลื้อยเข้ามากินกบได้ , ควรปลูกไม้ที่เป็นร่มเงา และเป็นกำบังไม่ให้นกโฉบเข้ามากินกบได้


เริ่มเลี้ยงปลาดุก


เริ่มเลี้ยงปลาดุก : ตอนแรกผมกะว่าจะก่อบล็อค เลี้ยงเอา แต่ติดเรื่องปัญหาเรื่องเงิน + พื้นที่ เลยสั่งเป็นท่อซีเมนต์ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร มาใช้เอา สำหรับปลาดุก ผมเลี้ยงทั้งหมดสองบ่อครับ (คำแนะนำให้เลี้ยงบ่อลพ 80-100 ตัว แต่ผมปล่อยบ่อละ 50 ตัวครับ กลัวปลาดุกอึดอัด อิอิ)

ตอนสั่งท่อซีเมนต์มานึกว่าจะเอามาเปิดน้ำเลี้ยงปลาได้เลย ที่ไหนได้ ต้องมาโปะปูนใส่ท่อระบายน้ำเอง และพอลองทดสอบเปิดน้ำใส่ ปรากฎว่าซึมรอบบ่อเลยครับ เลยต้องหาน้ำยากันซึมมาทาอีกทีนึง  หลังจากนั้นก็ทำการเปิดน้ำให้เต็ม แล้วตัดหยวกกล้วย แช่น้ำไว้ 1 สัปดาห์ เพื่อให้หมดฤทธิ์ปูนครับ

เมื่อถึงเวลาก็รีบไปซื้อพันธุ์ปลาดุกมาปล่อยเลย ตอนแรกจะโล่งๆเลย(ตามภาพ) ยังไม่มีออพชั่นอะไรมากมาย หลังๆมา เริ่มเอาผักตบชวามาใส่(ปลาดุกชอบมากเลยครับ ชอบไปมุดใต้กอผักตบ ถ้าหิวก็แทะเล็มกินด้วย) , เอาผักบุ้งมาใส่อันนี้ปลาดุกก็ชอบกิน , เอาท่อพีวีซีมาใส่ไว้ให้ปลาตัวเล็กหลบภัย , เอากระเบื้องมาใส่เพื่อกให้ปลาดุกหลบแดดตอนสายๆ




โดยผมจะถ่ายน้ำทุกๆ 5 วัน เพื่อไม่ให้บ่อเหม็นครับ ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งเดือนปลาเริ่มโตแล้วครับ แต่บางตัวก็โตเร็ว บางตัวก็โตช้า ข้อสังเกตของผมคือปลาในบ่อที่อยู้ใกล้กับหลอดไฟกว่าจะโตเร็วกว่าครับ(ผมเลี้ยงไว้ใต้ถุนบ้านแล้วเปิดไฟล่อแมลงไว้ทั้งคืน อีกนัยนึงก็เพื่อกันขโมยด้วยครับ)

ข้อสังเกต :
•ตอนถ่ายน้ำปลาจะคายอาหารออกมา ดังนั้นจึงควรถ่ายน้ำก่อนให้อาหารปลา
•ปลากินแมลง จะโตเร็ว
•ผักบุ้ง ผักตบปลาดุกก็กินครับ
•ถ้าปลาดุกไม่ค่อยกินอาหารลองเปลี่ยนอาหารดูครับ บางทีอาจเป็นที่อาหาร
[http://www.xn--12ca4dscc8ayd2f.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%87/ ]

ประวัติส่วนตัวของนายธนพล ชาคโรทัย


ประวัติส่วนตัว
ชื่อ : นาย ธนพล
นามสกุล :  ชาคโรทัย
เลขที่ : 3
ห้อง :  ม.4/10
ชื่อเล่น :  เติ้ง
เพื่อนสนิท : นาย พรหมพิริยะ พรหมศิลา     ม.4/10
เบอร์โทร: 090-0720326
เบอร์คุณพ่อ:081-676-5489
เบอร์คุณแม่:089-4755485 / 086-4799356
ประสบการณ์ที่เคยทำ/ประทับใจ:เคยโดดเรียน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
สิ่งที่ชอบต่างๆ
สี : ฟ้า , ดำ
อาหาร : ขนมจีน , ข้าวผัด
วิชา : คณิต , อังกฤษ
หนังสือ : ลาฟลอร่า
หนัง : พระนเรศวร ศึกยุทธหัตถี