วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

สรุปการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (Research and Knowledge Formation)

ชื่อ นาย ธนพล สกุล ชาคโรทัยเลขที่ 3 ห้อง ม.5/10
กลุ่มที่ 2
ปัญหาที่นักเรียนศึกษา : ปัญหาค่านิยมที่ผิดของวัยรุ่น
ที่มาและความสำคัญของปัญหา
 ปัจจุบันเยาวชนอยู่ในสังคมที่เน้นเชิงทุนนิยมและวัตถุนิยมมากขึ้น ทำให้สุขภาพจิตแย่ลง ขณะเดียวกันสังคมรากฐาน คือ ครอบครัว ซึ่งเป็นสังคมหน่วยเล็กที่สุด ก็พบว่ามีปัญหามากขึ้น เพราะพ่อ แม่เหนื่อยกับการเลี้ยงลูก เครียดกับการเรียนของลูกและการสอบแข่งขันต่างๆ   ทำให้วัยรุ่นมีค่านิยมที่ผิดในทางด้านต่างๆมากมาย จึงขาดการอบรมที่ดี  มีความเชื่อและหลงไปตามกับค่านิยมที่ผิดเพราะไม่ได้รับความรู้ความเข้าใจที่ดีพอ
             ดังนั่นกระผมและเพื่อนๆจึงได้สำรวจ  รวบรวมข้อมูล   และนำเสนอผ่านสื่อด้วยหนังสั้นแฝงแนวคิดและช่วยปลูกจิตสำนึก  เพื่อช่วยให้วัยรุ่นมีความรู้และเข้าใจในค่านิยมของสังคมมากขึ้น
วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาสาเหตุและผลกระทบของปัญหาค่านิยมที่ผิดๆของวัยรุ่นไทยในปัจจุบัน
2.เพื่อเรียนรู้วิธีการสร้างภาพยนต์สั้น

ผลการศึกษา (ให้เขียนตามวัตถุประสงค์ )
ได้รับทราบถึงสาเหตุและผลกระทบของปัญหาค่านิยมที่ผิดของวัยรุ่นไทยในสังคมปัจจุบันว่าบางครั้งก้เกิดจากสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย การตามแฟชั่น อิทธิพลจากสื่อ ดาราที่ตนเองชื่นชอบต่างๆ ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบปัญหาต่างๆมากมาย อาทิเช่น ปัญหาการท้องในวัยเรื่อง เนื่องจากบางคนเห็นการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนเป็นค่านิยมที่ปกติ ปัญหาการใช้เงินซื้อของฟุ่มเฟื่อย เนื่องจากเห็นดารานักแสดงที่ตนชื่นชอบใช้กระเป๋าหรือสิ่งของแบบนั่น ทำให้เราเองก็อยากจะใช้บ้าง หรือแม้แต่การแต่งชุดเปรี้ยวๆ ตามสไตล์นุ่งสั้นที่อยากแต่งตามดารานักแสดงนักร้องที่เราชื่นชอบจนทำให้ผู้คนที่ผ่านมาต่างมองว่าไม่เหมาะสมไม่สมควรที่จะแต่ง 

เสนอแนวคิดในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบด้วยองค์ความรู้จากการค้นพบ
นำเสนอโดยการทำเป็นคลิปต่างๆเพื่อให้ผู้ที่เข้ามาดูได้เข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดค่านิยมที่ผิดๆในสังคมปัจจุบันมากมาย และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเมื่อพวกเขามีค่านิยมที่ผิดๆแบบนี้ เพื่อให้คนที่กำลังทำตัวแบบค่านิยมที่ผิดได้ปรับปรุงตัวใหม่ หรือแม้แต่การร่วมเดินรณรงค์เลิกค่านิยมอันผิดๆของวัยรุ่นในสังคมปัจจุบัน

นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการเรียนวิชา IS1
ได้เรียนรู้ลำดับวิธีการทำหนังสั้น การใช้คำเขียนเรื่องย่อให้น่าดึงดูดสนใจ การเขียน Story Board ได้เรียนรู้เกี่ยวกับมุมภาพที่เราจะเลือกถ่ายเพื่อให้เหมาะกับซีนที่เราต้องการจะถ่ายทำ การเคลื่อนที่ของกล้องเวลาถ่ายทำ และนอกจากนี้ยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับโปรแกรมตัดต่อภาพยนตร์ เกี่ยวกับเครื่องมือต่างๆในโปรแกรม การใส่อักษรแทรกเข้าไปในภาพ การแทรกเสียงใส่ในภาพยนตร์

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ค่านิยมของวัยรุ่นไทย + คลิปวิดิโอ

ค่านิยมของวัยรุ่นไทยในปัจจุบัน ที่ชอบตามกระแสของสังคม ไม่ว่าจะเป็น การแต่งกาย การใช้เทคโนโลยี คำพูด การดื่มเหล้า ที่นับวันยิ่งเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าว กลายเป็นเรื่องปกติต่อสังคมไปแล้ว 
วิดีโอนี้มีส่วนที่ให้ความบันเทิงและความรู้อยู่ในเรื่องเดียวกัน




แหล่งที่มา : http://www.funnycat.tv/video/vG57Q__Ig5E

ค่านิยมการคบเพื่อนต่างเพศในสังคม

ปัจจุบันค่านิยมการคบเพื่อนต่างเพศในสังคม วัยรุ่นของไทยเป็นไปอย่างอิสระเสรีมากขึ้น โดยมองว่าการแสดงออกพฤติกรรมทางเพศเป็นเรื่องปกติธรรมดา เห็นว่าการมีเพศสัมพันธ์กับแฟนหรือคนรักไม่ใช่เรื่องน่าละอาย ทำให้วัยรุ่นมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมโดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร
จนเกิดปัญหาต่างๆตามมา ทั้งการตั้งท้องไม่พร้อม การทำแท้ง และการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นไทยปี 2555 ซึ่งจัดทำโดยสำนักระบาดวิทยากรมควบคุมโรคว่าปัจจุบันปัญหาพฤติกรรมทางเพศที่ ไม่เหมาะสมในวัยรุ่นไทย กำลังจะกลายเป็นปัญหาสังคมที่รุนแรงมากขึ้นทุกวันโดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ ก่อนวัยอันควรซึ่งพบว่าวัยรุ่นไทยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอายุน้อยลง นักเรียนชั้น ม. 2,5 และปวช.ปี 2 มีเพศสัมพันธ์มากขึ้นและมีเพียงร้อยละ 50 เท่านั้นที่ใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน ซึ่งผลจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนี่เองได้นำมาสู่การตั้งท้องไม่ พร้อม จากข้อมูลปี 2555 พบว่ามีหญิงคลอดที่อายุน้อยกว่า 20 ปีเพิ่มขึ้นจากปี 2543 วันละ 240 ราย เป็นวันละ 365 ราย และเป็นหญิงคลอดที่อายุน้อยกว่า 15 ปีเพิ่มขึ้นจากปี 2543 วันละ 4 รายเป็นวันละ 10 ราย โดยพบว่าปี 2555 หญิงอายุ 15-19 ปีมีการคลอดเพิ่มขึ้นจากปี 2551 จาก 50.1 เป็น 53.8 ในอัตราส่วนต่อหญิงกลุ่มวัยเดียวกันพันคน
สาเหตุของการตั้งท้องไม่พร้อมในวัยรุ่นไทย เป็นเพราะขาดความรู้ในเรื่องเพศศึกษาและเรื่องการคุมกำเนิดที่ถูกวิธี มีความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการร่วมเพศที่คิดว่าครั้งเดียวคงไม่ท้อง ไม่สวมถุงยางอนามัยเพราะรู้สึกว่าขัดขวางความรู้สึกทางเพศ คิดว่าการมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักปลอดภัยโดยไม่ป้องกัน นอกจากปัญหาการตั้งท้องไม่พร้อมแล้ว ยังส่งผลถึงการทำแท้ง รวมถึงการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างเช่นโรคเอดส์ ที่ขณะนี้ตัวเลขวัยรุ่นไทยติด “โรคร้าย” นี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าใจหาย
ในการดำเนินงานที่เกี่ยวกับวัยรุ่นเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ ไม่พร้อมและลดอัตราการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์นั้น ดร.นพ.พรเทพบอกว่ากรมอนามัยได้จัดทำโครงการเครือข่ายวัยรุ่นอาสาวางแผนครอบ ครัว เพื่อส่งเสริมให้วัยรุ่นไทยมีความรู้ เกิดความตระหนักและใช้บริการวิธีคุมกำเนิดได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและมี ประสิทธิภาพ
พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพแกนนำวัยรุ่นให้สามารถให้การปรึกษาเกี่ยวกับเพศศึกษา ได้ โครงการนี้เป็น1 ใน 8 โครงการหลักที่กรมอนามัยจะมุ่งเน้นในปี2557 ซึ่งจะมีการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิด “เข้าใจ เข้าถึง ช่วยเหลือ”

แหล่งที่มา : http://www.ivface.com/ปัจจุบันค่านิยมการคบเพ/

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สาเหตุที่วัยรุ่นไทยนิยมใช้สารให้ผิวขาว

แม้ว่าแพทย์ผิวหนังตลอดจนนักวิชาการได้ชี้แนะถึงอันตรายของการใช้สารให้ผิวขาวโดยเฉพาะกลูต้าไธโอนแล้วก็ตาม วัยรุ่นหนุ่มสาวซึ่งยึดติดกับค่านิยมความขาวและความสวยงามยังคงนำสารกลูต้าไธโอนเข้าสู่ร่างกายทั้งในการฉีดและรับประทานอย่างไม่หยุดยั้ง หากวิเคราะห์สาเหตุที่วัยรุ่นหนุ่มสาวนิยมใช้กลูต้าไธโอน พบว่ามีหลากหลายประการดังนี้
1. วัยรุ่นในปัจจุบันให้ความสำคัญกับการมีรูปร่างหน้าตาดี ซึ่งความคิดเช่นนี้ไม่ใช่ความคิดที่ผิดอะไร หากหนทางที่ได้มานั้นเป็นโดยวิถีธรรมชาติ เช่น การรับประทานอาหารให้ครบหมู่ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่วิธีทางธรรมชาติย่อมต้องใช้เวลาพอสมควรและผู้ปฏิบัติต้องมีวินัยอย่างเคร่งครัด วัยรุ่นส่วนใหญ่จึงหันมาใช้สารให้ผิวขาว เนื่องจากสารเหล่านี้ให้ผิวขาวรวดเร็วกว่าวิธีทางธรรมชาติมาก
2. วัยรุ่นบางส่วนหมกมุ่นอยู่กับการดูแลรูปร่างหน้าตาของตนเอง ความอยากมีผิวขาวใสคือความต้องการในอันดับแรกๆ เพื่อให้เป็นที่ต้องตาของบุคคลอื่นจึงยอมทุ่มเทเวลาและกำลังทรัพย์ให้กับสิ่งภายนอกเหล่านี้ กลูต้าไธโอนจึงเป็นทางเลือกของวัยวุ่นบางส่วน
3. เกิดจากค่านิยมเก่าแก่ที่ว่าจะเป็นเจ้าคนนายคนต้องมีผิวพรรณและหน้าตาที่ดี นั่งทำงานในห้องแอร์ โดยมุ่งเน้นไปที่ผิวพรรณขาวใสแต่ปราศจากการมุ่งเน้นที่จิตใจหรือความสามารถ
4. ความต้องการอยากมีผิวขาวส่วนหนึ่งมาจากกระแสคลั่งดาราเกาหลี และอีกส่วนหนึ่งมาจากการเห็นโฆษณาเครื่องสำอางทำให้ผิวขาวซึ่งโฆษณาเหล่านี้ใช้งบประมาณสูงมากในการโน้มน้าวใจให้เยาวชนวัยรุ่นอยากมีผิวขาว แต่ในความเป็นจริงเบื้องหลังโฆษณา ดังกล่าวมีการใช้เทคนิคตกแต่งจนเกินความจริงและผู้รับชมสื่อโฆษณากลับมองข้ามความจริงเหล่านั้น มุ่งหวังเพียงผิวขาวใสที่จะได้รับเท่านั้น
5. วัยรุ่นที่หมกมุ่นกับเรื่องความสวยงาม จิตใจกังวลกับเรื่องสรีระของตนมากผิดปกติ เช่น ผมบาง ขนดก รูขุมขนกว้าง ผิวคล้ำไม่ขาวใส เป็นต้น สิ่งเหล่านี้หากมากเกินไป อาจเข้าข่ายความผิดปกติของจิตใจ ที่เรียกว่า Body dysmorphic disorder (BDD) เป็นเหตุให้วัยรุ่นหันเข้าหาตัวช่วยซึ่งหาได้ดาษดื่น เช่น กลูต้าไธโอน
6. วัยรุ่นมักหลงใหลกับรูปลักษณ์ของตนเอง จนไม่อยากสูญเสียมันไป ยินดีแลกกับทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคงรูปลักษณ์ที่สวยงามนั้นไว้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่เปลี่ยนมาเน้นความงามคือความขาว จึงพบว่าวัยรุ่นมุ่งไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อแก้ไขรูปลักษณ์ให้สวยงามดังฝันด้วยการใช้กลูต้าไธโอน


แหล่งที่มา : http://dangerous-white.blogspot.com/2013/11/blog-post_5951.html

ค่านิยมไอโฟนของวัยรุ่น

 ต้องยอมรับเลยว่า ตอนนี้มือถือสมาร์ทโฟนที่มาแรงและเป็นที่นิยมที่สุดเห็นจะเป็น รุ่นไหนไม่ได้นอกจาก “ไอโฟน” (Iphone) สุดยอดมือถือที่มีความสามารถหลากหลาย มีลูกเล่นแพรวพราว ซึ่งเป็นนวัตกรรมจากแบรนด์ผลไม้ชื่อดังอย่าง “แอปเปิ้ล” (Apple) ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูหรูหรา ทันสมัย ประกอบกับคุณสมบัติที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีและฟังก์ชั่นต่างๆมากมาย ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
                             แน่นอนว่า ความนิยมไอโฟนนั้นได้ ระบาดเข้าไปในหมู่วัยรุ่น จนทำให้เกิดกระแส แฟชั่นนิยมไอโฟน สำหรับ วัยรุ่น วัยเรียนนั้นอาจจะเป็นเรื่องยากสักนิดนึงที่จะได้จับจองเป็นเจ้าของ เนื่องด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง  วัยรุ่นบางคนอาจทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ไอโฟน แม้จะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย หรือ ผิดศีลธรรมก็ตาม ซึ่งตรงจุดนี้อาจจะก่อให้เกิดเป็นปัญหาสังคมได้

ค่านิยมไอโฟนของวัยรุ่นนั้น ถือว่าเป็นกระแสฮอตฮิตของวัยรุ่นแล้วก็ว่าได้ ในสังคมวัยรุ่นใครไม่มีไอโฟนใช้อาจจะถูกมองว่า เชยหรือไม่ทันสมัย ซึ่งถือว่าเป็นค่านิยมที่ผิด ผู้ปกครองหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรอบรมสั่งสอนให้รู้จักมัธยัสถ์ คุณค่าของเงินและทัศนะคติที่ไม่ใช่ไปยืดติด ต่อวัตถุซึ่งถ้าแก้ตรงจุดนี้ได้ ปัญหาต่างๆของสังคม เช่น การได้ไอโฟนด้วย การขายบริการของวัยรุ่นหญิง หรือ การ ดัก ตี ปล้น การก่ออาชญากรรมต่างๆของวัยรุ่นชาย ก็จะหมดไป...

แหล่งที่มา : http://kim002.blogspot.com/2012/02/iphone-apple.html

ค่านิยมวัยรุ่นสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่เป็นพฤติกรรมเสี่ยง ที่เริ่มติดเมื่อเป็นวัยรุ่น และจะเสพติดจนเป็นผู้ใหญ่ สิ่งนี้นำมาซึ่งสุขภาพไม่ดี เกิดโรคภัยไข้เจ็บ และครึ่งหนึ่งของผู้ที่เสพติดบุหรี่ จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควรนอกจากนี้ การเริ่มทดลองสูบบุหรี่และเกิดการเสพติด เป็นสื่อวัยรุ่นให้ไปสู่อบายมุขอื่นๆ

ในสังคมของเราพบว่าพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ของวัยรุ่น พบเห็นได้ทั่วไป โดยเฉพาะเด็กนักเรียน นักศึกษา อันเกิดจากความอยากรู้อยากลอง และสาเหตุอื่น ๆ เช่น ปัญหาครอบครัว การอยากเข้าสังคม กลุ่มเพื่อน เรียกร้องความสนใจ ความจองหอง เหล่านี้เป็นอันเป็นสาเหตุที่ชักจูงไปสู่การสูบบุหรี่ของวัยรุ่น ดังนั้นการสูบบุหรี่จึงถือว่าเป็น ค่านิยมอย่างหนึ่งโดยเฉาะกลุ่มวัยรุ่น

หากมองดูภายนอกผิวเผินแล้ว การสูบบุหรี่ของวัยรุ่น อาจดูเป็นเรื่องธรรมดา ปกติ แต่ถ้าพิจารณาด้านจริยศาสตร์แล้ว การสูบบุหรี่เป็นพฤติกรรมที่นำไปสู่ความผิดทางศีลธรรมได้

วิเคราะห์ความประพฤติ
การสูบบุหรี่ ถือว่าว่าเป็นการกระทำแบบมนุษย์ เพราะผู้ที่สูบมีสติปัญญา เจตนา และมี และมีเจตจำนงเสรี คือ มีสติรู้ถึงความตั้งใจ มีความปราถนาที่จะกระทำด้วยใจอิสระ เจตนาประเภททางบวก ลักษณะเจตนาที่เป็นนิสัย ต้องรับผิดชอบต่อเจตนาโดยตรง วิธีการไม่ดี และผลไม่ดี ผิดกฎหมายด้วย

กฏเกณฑ์ที่เราสามารถกล่าวได้ว่าการสูบบุหรี่นั้นมีความเกี่ยวข้องทางจริยธรรม องค์ประกอบในการพิจารณามีดังนี้
- ตัวของการกระทำ เช่น การสูบบุหรี่เป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะมีผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น
- สภาพแวดล้อม ที่เอื้อต่อการกระทำ เช่น กลุ่มเพื่อนที่สูบบุหรี่ อาการเครียด..สภาพจิตใจ และอื่นๆ
- จุดประสงค์ของผู้กระทำ เช่น ความอยากรู้อยากลอง เพื่อเข้ากลุ่มเพื่อน ประชดตนเอง พ่อแม่ คนรัก เรียกร้องความสนใจ

การสูบบุหรี่ที่ผิดทางด้านศีลธรรม ของวัยรุ่น
การที่นักเรียน นักศึกษา สูบบุหรี่ เป็นการกระทำที่ผิด และไม่สมควร เพราะเป็นสิ่งที่กฏหมายและกฏระเบียบของสถาบัน โรงเรียน ห้าม จึงเป็นความผิดที่เกิดจากการกระทำ และเกิดจากการละเลย การสูบบุหรี่จะผิดทางด้านศีลธรรมมากหรือน้อยนั้นสามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้

เจตนา เช่น มีความตั้งใจจะสูบบุหรี่ ในขณะที่ครูสอนอยู่
สภาพแวดล้อม หรือจิตใจผู้กระทำ เช่น อาการเครียด ไม่อยากเรียน ครูสอนน่าเบื่อ
วิธีการ สูบบุหรี่ในห้องเรียน ห้องน้ำโรงเรียน ป้ายรถเมย์ที่มีคนเยอะๆ เป็นวิธีการที่ผิด

ผลที่เกิดขึ้น นอกจากจะผิดกฏโรงเรียน ส่งผลต่อตนเอง และเพื่อนรอบข้าง เป็นการทำร้ายตัวเองและผู้อื่นโดยทางอ้อม ส่งผลให้เกิดผลเสียทั้งตัวเองและส่วนรวม

แหล่งที่มา : http://pauldisapong.blogspot.com/2010/09/blog-post.html

ค่านิยมทางเพศ

ในประเทศไทยมีความเป็นไทยมีขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมอันเป็น
เอกลักษณ์เฉพาะตัว    โดยเฉพาะค่านิยมในเรื่องเพศ

ซึ่งมีมุมมองได้ 2 ทาง ดังนี้

ค่านิยมทางเพศในเรื่องที่ไม่ถูกต้องสำหรับคนไทย ได้แก่
1.1 การไม่เผยแพร่ความจริงในเรื่องเพศหรือการไม่ให้ความรู้เรื่องเพศแก่ บุตรหลานโดยคิดว่าเป็นเรื่อง หยาบคาย หรือน่าอาย
1.2การไม่สนับสนุนหรือส่งเสริมให้บุคคลในสังคมพูดคุยกันในเรื่องเพศ อย่าง เปิดเผย   
1.3 การยกย่องให้เพศชายเป็นใหญ่กว่าเพศหญิง
1.4 การมีเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรสโดยถือว่าเพศชายไม่ผิด

มีสภาวะด้านต่างๆเหมาะสม

2.1 อายุ ควรอยู่ในเกณฑ์ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ชายควรมีอายุ 25-30 ปี ฝ่ายหญิง ควรมีอายุ 20-25 ปี  มี ความพร้อมทางร่างกาย
2.2 สุุขภาพร่างกายแต่งงานนั้นนอกจากมีความพร้อมทางร่างกายที่จะใหกำเนิด
ลูกได้แล้วควรจะต้องคำนึง ถึงสุขภาพด้วย   เช่น โรคประจำตัวโรคทางพันธ์ กรรมเพราะสิ่งเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อชีวิต สมรสได้ ดังนั้นจึงมีควรตรวจสุขภาพ และถ้าพบว่ามีโรคภัยไข้เจ็บต้องรักษาให้หายเสียก่อน
2.3วุฒิภาวะทางอารมณ์นับว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับผู้ครองเรือนเพราะวุฒิภาวะ ทางอารมณ์จะเป็นผู้สุขุมรอบคอบ   มีเหตุผลมีความ รับผิดชอบ ยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล และสามารถปรับตัวได้ดี
2.4 ระดับสติปัญญา คู่สมรสควรมีระดับสติปัญญาใกล้เคียงกันเพราะหากสติปัญญาแตกต่างกันมักจะคุยกัน ไม่รู้เรื่อง

แหล่งที่มา : http://peerapatsubannarat.blogspot.com/2012/10/blog-post.html

ห่วงวัยรุ่น เห็นค่านิยม ขายตัว เป็นเรื่องปกติ

รศ.ดร.ช่วงโชติ พันธุเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่านักศึกษาสถาบันอุดมศึกษากำลังมีค่านิยมในทางที่ผิด โดยการประกาศขายบริการทางเพศผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ กันอย่างโจ่งครึม ว่า ตนเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวมีอยู่จริง และคงไม่ใช่มีเฉพาะแต่นักศึกษาสถาบันอุดมศึกษาเท่านั้น ในเด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษาทั้งตอนต้นและตอนปลายตนก็คิดว่ามีจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสาเหตุมาจากค่านิยมที่ผิด เด็กติดนิสัยฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย หลงในวัตถุนิยม เห็นเพื่อนมีของแบรนด์เนมราคาแพงๆ ก็อยากจะมีตามเพื่อน พอลองครั้งแรกหาเงินมาได้ง่ายๆ ต่อไปก็คิดทำกันจนกลายเป็นความเคยชิน หรือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ปัญหาที่เกิดขึ้นเราคงมัวมานั่งโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ แต่ทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องในชีวิตเด็กจะต้องเอาจริงเอาจังกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งพ่อแม่ผู้ปกครอง สถานศึกษา หน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

รศ.ดร.ช่วงโชติ กล่าวอีกว่า สำหรับมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทานั้น หากพบว่านักศึกษาคนใดมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในลักษณะดังกล่าวจริง ก็มีระเบียบของสถาบันที่จะดำเนินการอยู่แล้ว ตั้งแต่การว่ากล่าวตักเตือน การพักการเรียน หรือหนักสุดก็คือพ้นสภาพการเป็นนักศึกษา อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาในการประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎ หรือ ทปอ.ราชภัฎ ไม่คอยได้มีการพูดคุยถึงปัญหาของนักศึกษาเท่าใดนัก แต่ในการประชุมนัดหน้าตนจะหยิบยกสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักศึกษาในปัจจุบันไปพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แต่คงไม่ถึงขั้นกับออกมาตรการในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน

แหล่งที่มา : http://hilight.kapook.com/view/40658

ค่านิยม อะไรบ้างที่ควร'ลดละเลิก' เพื่อให้สังคมน่าอยู่ยิ่งขึ้น?

๑ . ความเห็นแก่เงิน เงินเป็นยอดปรารถนาของทุกคน สังคมไทยสมัยก่อนถือว่าเกียรติสำคัญกว่าเงิน ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งดีควรยึดถือ แต่สังคมปัจจุบันเราย้ำเรื่องเงินเรื่องวัตถุ (materialism) มากกว่าเรื่องอื่น ๆ 
๒ . การใช้อำนาจในทางที่ผิด อำนาจนี้มักจะเห็นมากในระบบศักดินาหรือระบบราชการ เช่น ทหาร ตำรวจปลัดอำเภอ นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด รัฐมนตรี เป็นต้น 
๓ . การรักษาพวกพ้องในทางที่ผิด คือ ออกมาในรูปที่รักเพื่อนฝูง รักกลุ่มที่ตนเป็นสมาชิกหรือมีพื้นเพมาจากแหล่งเดียวกัน ในทางที่ผิดและไม่เกิดประโยชน์แก่สังคม 
๔ . ไม่กล้าเสี่ยง ขาดความอดทน คนไทยชอบทำงานที่ให้หลักประกันความมั่นคง เช่น รับราชการหรือทำงานในรัฐวิสาหกิจ ธุรกิจและการค้าจึงตกอยู่ในมือคนต่างด้าวเสียเป็นส่วนใหญ่ 
๕ . ขาดความกระตือรือร้น อาจจะเป็นเพราะวางเฉยจนเกิน ไม่มีความคิดริเริ่มในงานของตน ขาดความทะเยอทะยานหรือความคิดในการสร้างสรรค์ เป็นฝ่ายรับ ( passive) มากกว่าฝ่ายรุก (active) 
๖ . ขาดระเบียบวินัย ไม่ชอบทำอะไรเพื่อส่วนรวม ชอบทำอะไรเพื่อตัวเองหรือความพอใจของตนเอง 
๗ . ตัวใครตัวมัน โดยเฉพาะภาวะที่เศรษฐกิจกำลังฝืดเคืองหรือในสังคมที่ทุกคนต้องแข่งขันกันเอาตัวรอดเพื่อเลื่อนชั้นเลื่อนฐานะ เพื่อความมั่นคง 
๘ . นิยมบุคคลมากกว่าอุดมการณ์ โครงสร้างของสังคมไทย มีแนวโน้มจะยึดบุคคลเป็นหลัก 
๙ . นิยมวัตถุสิ่งของ ความนิยมนี้มักจะออกมาในรูปสิ่งของที่มีราคา เช่น เพชรเม็ดโต ฯ รถคันยาว ๆ ใหม่ ๆ แพงๆ 
๑๐ . นิยมของใช้จากต่างประเทศ ไม่ชื่นชมนิยมของไทยที่ทำเอง ทำให้เราต้องมีดุลการค้าเสียเปรียบ และของต่างประเทศไม่ใช่จะดีเสมอไป ของไทยอาจจะดีกว่าก็ได้ 
๑๑ . รักความสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นสังคมเมืองหรือสังคมชนบท เราจะเห็นความสนุกสนานแฝงในกิจกรรมต่างๆ เสมอ ทั้งในยามว่าหรือยามทำงาน เช่น สงกรานต์ บวช โกนจุก รับน้องใหม่ วันเกิด วันแต่งงาน วันขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ 
๑๒ . ชอบความสบาย ไม่ชอบระเบียบแบบแผน หรือไม่มีพิธีรีตอง ชอบความสุขชั่วหน้า ชอบความเป็นกันเอง ชอบชีวิตง่าย ๆไม่จริงจังกับชีวิต 
๑๓ . ชอบงานพิธี เป็นการทำเพื่อเกียรติ ต้องการตำแหน่ง ต้องการยกย่อง เพื่อความสบายใจ ฯลฯ 
๑๔ . เชื่อถือโชคลาง ชอบการเสี่ยงโชค เพราะคิดว่ามีสิ่งลึกลับบางอย่างบันดาลให้คนมีอันเป็นไปในด้านดีหรือเลว เจริญหรือเสื่อม เป็นการไม่เชื่อตัวเอง จึงทำให้เกิดความกลัว 
๑๕ . ชอบความฟุ่มเฟือย การจ่ายเกินตัวเกินฐานะ ไม่รู้จักประมาณตัว เช่น แต่งงานก็ต้องเลี้ยงกันหรูหรา พอหลังแต่งงานแล้วก็ใช้หนี้กันไม่รู้จักจบ 
๑๖ . ชอบผัดผ่อนเลื่อนเวลา คือ อะไรที่จะทำพรุ่งนี้ มะรืนนี้ เดือนหน้า ฯลฯ ๑๗ . ไม่ชอบขัดใจใคร เวลาได้รับการร้องขอมักจะรับปาก ซึ่งบางครั้งบุคคลจะรับปากเพื่อนให้พ้น ๆ ตัว โดยอาจจะกลัวเสียหน้า กลัวโกรธ กลัวว่าไม่รักพวกพ้อง เป็นต้น 
๑๘ . ไม่ตรงต่อเวลา เชื่อว่าเวลาไม่ใช่ของสำคัญที่เราต้องยอมเป็นทาสให้ และยิ่งแสดงความไม่นำพาให้ปรากฏได้มากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นไทยแท้ 
๑๙ . สอดรู้สอดเห็น ในชีวิตประจำวันของคนไทย ต่างสนใจเรื่องส่วนตัวของกันและกัน เป็นอย่างยิ่ง และเมื่อลับหลังก็สนใจที่จะกล่าวขวัญถึงเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นตลอดเวลา 
๒๐ . ชอบโฆษณา สิ่งใดมีการโฆษณามากก็จะเชื่อสิ่งนั้น 
๒๑ . ชอบแจกของหรือของแถม ทั้ง ๆ ที่บางครั้งสิ่งที่ตนได้ไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ตนเลย 
๒๒ . ลืมง่าย เพราะไม่มีอุดมการณ์ไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวแน่นอน เนื่องจากขึ้นอยู่กับอารมณ์ 
๒๓ . กินพร่ำเพรื่อ คนไทยมีนิสัยชอบกินของไม่เป็นเวลา ถ้ามีโอกาสจะพยายามกิน 
๒๔ . พูดมากกว่าทำ เป็นการทำงานด้วยปาก แต่ไม่ยอมลงมือกระทำตามที่พูด ๒๕ . เห็นใครดีกว่าไม่ได้ อิจฉาริษยา ถ้าใครดีกว่ามักจะไม่พอใจ 
“ อันที่จริงคนเขาอยากให้เราดี แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้ 
จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน ” 

ค่านิยมที่ควรแก้ไขทั้งหมดนี้ ประชาชนชาวไทยทั้งหลายควรจะช่วยกันแก้ไข และไม่ควรนำไปปฏิบัติ โดยควรจะสร้างค่านิยมที่ดีงาม เพื่อความเป็นปึกแผ่นมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองแก่ชาติบ้านเมืองของเราต่อไป

แหล่งที่มา : https://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20090227083334AArN4yf

“ผิวขาว” ค่านิยมผิดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเยาวชน

  ค่านิยมเรื่อง “ความขาว” กลายเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมไทยมากขึ้นทุกขณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเด็กและเยาวชน หากดูผิวเผินก็ไม่น่าจะมีปัญหา เด็กอยากผิวขาวก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาก็เนื่องเพราะสังคมในทุกระดับต่างก็ให้ “ค่า” เรื่องความขาวจนเกินงาม
       
       เราปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อมีอิทธิพลต่อเด็กและเยาวชนอย่างมาก โดยเฉพาะสื่อทีวีที่เห็นภาพทันที ยิ่งปัจจุบันมีภาพยนตร์โฆษณาที่ว่าด้วยเรื่องผิวขาวมากมายจริงๆ เวลาที่มีการโฆษณานั่นหมายความว่าชิ้นงานนั้นต้องถูกผลิตมาให้เกินจริง ทั้งขั้นตอนการถ่ายทำ การใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยให้ขาวเนียนได้สุดๆ เพราะวัตถุประสงค์เพื่อขายสินค้าให้ได้มากๆ
       
       บรรดาครีมบำรุงผิวสารพัดที่ขับเน้นเรื่องการทำให้ผิวสาวขาวได้ในเวลาอันรวดเร็วถูกนำเสนอผ่านสื่อ เป็นตัวกระตุ้นเร้าความอยากของผู้บริโภคอย่างรวดเร็วเช่นกัน เรียกว่า ปัจจุบันไม่ใช่แค่หน้าขาวเท่านั้น แต่ต้องขาวทั้งตัว ขาวแม้ใต้วงแขน หรือจุดซ่อนเร้น... 

กรณีของผู้ใหญ่ที่ผ่านประสบการณ์ก็เข้าใจได้ว่า การโฆษณาเป็นเรื่องเกินจริง แต่เด็กที่ต้องเสพสื่อเหล่านี้จำนวนมากทุกวี่วัน ยังขาดวิจารณญาณหรือคนชี้แนะ เมื่อเห็นก็อยากเลียนแบบ อยากใช้ผลิตภัณฑ์ที่พบเห็น สร้างความสนใจและดึงดูดใจเด็กสาวจำนวนมาก รวมไปถึงเด็กหนุ่มจำนวนไม่น้อย ที่หันมานิยมผิวขาวกันมากขึ้น

กระแสเรื่อง “ผิวขาว” กลายเป็นปัญหาของเด็กหนุ่มสาวยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางการให้ “ค่า” ของคนที่ประสบความสำเร็จ ดารา นักร้องที่ผิวขาวก็จะได้รับความสนใจ มักจะประความสำเร็จ ในขณะที่คนผิวเข้มจะถูกจัดวางให้อยู่ในบทบาทการแสดงที่ด้อยกว่า หรือเป็นตัวแสดงที่เป็นปมด้อย เช่น ตัวตลก นางร้าย ฯลฯ 

สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเรื่องที่เด็กและเยาวชนซึมซับอยู่ทุกวัน 

 สื่อเป็นปัญหาใหญ่มากในสังคมขณะนี้ โดยเฉพาะสื่อทีวีที่ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน ทำให้เกิดการเลียนแบบ ความนิยมผิวขาว ทำให้หนุ่มสาวรุ่นใหม่สรรหาสารพัดวิธีที่จะทำให้ผิวขาวตนเองในเวลาอันรวดเร็ว หลงเชื่อการโฆษณาอวดอ้างตามสื่อต่าง ๆ ว่ามียาหรือเครื่องสำอางทำให้หน้าขาว แม้กระทั่งการฉีดยารักษาโรคมะเร็งที่มีสารกลูตาไธโอน เข้าเส้นเลือด หวังผลข้างเคียงของยาไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ผิวหนัง เพื่อให้ผิวขาว โดยหารู้ไม่ว่าการได้รับสารปริมาณมากมีอันตรายถึงชีวิต
       
       แต่...ที่น่าประหลาดใจกลับพบว่าเด็กรุ่นใหม่ยอมเสี่ยงภัยเพื่อความงาม โดยไม่สนใจผลกระทบที่ตามมา มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
       
       และ...ปัญหาที่น่าห่วงตามมาและอันตรายที่สุด น่าจะเป็นเรื่องค่านิยมเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกที่ถูกให้ “ค่า” มากกว่าคุณค่าของตัวตนและจิตใจของมนุษย์...!!! 

แหล่งที่มา : http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000121748

[ คลิป ] ค่านิยมที่ผิดของวัยรุ่น



(https://www.youtube.com/watch?v=q0cz4BHFvPE)

(https://www.youtube.com/watch?v=cjNISJmLzgM)

(https://www.youtube.com/watch?v=vIzveim20CU)